วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์-เมนูเด็ด กระเจี๊ยบเขียว

กระเจี๊ยบเขียว เป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะในฝักกระเจี๊ยบนั้นมีสารเมือกพวกเพ็กติน (Pectin) และกัม (Gum) ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ไม่ให้ลุกลาม รักษาความดันให้เป็นปกติ เป็นยาบำรุงสมอง มีสรรพคุณเป็นยาระบายและสามารถแก้โรคพยาธิตัวจี๊ดได้ด้วย แต่ต้องรับประทานติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 15 วันมีสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการคือ มีคาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน โฟเลท แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี ๑ วิตามินบี ๒ ไนอาซิน วิตามินซี อยู่ปริมาณพอสมควร แต่บทบาททางสุขภาพที่สำคัญของกระเจี๊ยบเขียวเกิดจาการที่กระเจี๊ยบเขียวมี กลูตาไทโอน (glutathione) ซึ่งถือว่าเป็นราชาของสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี และยังร่ำรวยใยอาหารชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนของพืชผักที่ร่างกายย่อยไม่ได้และเส้นใยที่ละลายน้ำได้ เพคทิน (pectin) และเมือก (mucilage) ซึ่งเกิดจากสารประกอบ acetylated acidic polysaccharide และกรดกาแลคทูโลนิค (galactulonic acid) ดังนั้น การกินกระเจี๊ยบเขียวจึงช่วยระบบขับถ่าย ระบบดูดซึมสารอาหาร ลดความเสี่ยงโรคแผลในกระเพาะอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลดน้ำตาลและไขมันในเลือด
เมนูกระเจี๊ยบเขียว
แกงส้มกระเจี๊ยบเขียว

เครื่องปรุง
พริกแห้ง         3 เม็ด
กระเทียม         1 หัว
ปลาช่อน         1 ตัว
ดอกคะน้า         1 ดอก
เกลือ
หอมแดง         5 หัว
กะปิ        1 ช้อนชา
กระเจี๊ยบเขียว     3 ขีด
มะดัน         4 ผล
น้ำปลา
วิธีทำ
    1. โขลกพริกแห้ง หอม กระเทียม กะปิ ให้ละเอียดเป็นเครื่องแกง
    2. ปลาช่อนแบ่งครึ่ง ด้านหัว ต้มให้สุกแกะเอาแต่เนื้อโขลกลงไปกับข้อที่ 1
    3. ด้านหางหั่นตามขวางลำตัวเป็นชิ้น ๆ หนาประมาณ 1 กระเบียดพักไว้
    4. เครื่องแกงละลายกับน้ำเปล่า 4 ถ้วย ตั้งไฟใส่มะดัน เกลือ น้ำปลาให้เดือด เอามะดันขึ้นมาละลายเอาเมล็ดออก ชิมรสใส่ปลาด้านหางลงไปพอสุก
    5. กระเจี๊ยบ ดอกคะน้า ล้างน้ำให้สะอาด หั่นชิ้นพองาม ใส่ลงไปในหม้อพอสุกยกลงเสริ์ฟขณะยังร้อนอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น